กลับมาเจอกันอีกครั้งกับบทรีวิวภาค 2 ของ Kindle 2 ซึ่งเป็นตอนต่อจาก ภาคที่แล้ว ซึ่งวันนี้ผมจะพาทุกคนมาดูการใช้งานของเจ้า Kindle 2 ขาวเพรียว ตัวนี้กันครับ
เริ่มจากเมื่อเรา unlock มา เราจะเจอหน้าจอ home ซึ่งจะมีรายการ book ที่เรามีอยู่ในเครื่อง ที่ด้านบนซ้าย จะมีชื่อของเราแสดงอยู่ เพราะตอนที่เราสั่งซื้อจาก amazon ทาง amazon จะทำการผูก account ของเรามาลงที่ตัว Kindle เลย เพื่อให้ง่ายเวลาเราสั่งซื้อหนังสือ ส่วนมุมบนด้านขวามือ แสดงปริมาณไฟในแบตเตอรี่ และสัญลักษณ์แสดงความแรงสัญญาณโทรศัพท์ (เราสามารถต่อ GPRS/EDGE ได้เลยครับ)
|
หน้า home ของ Kindle ครับ |
ตรงพื้นที่ตรงกลางแสดงรายชื่อหนังสือ โดยจะมีหนังสือแถมมาให้ 2 เล่มครับ คือ Welcome กับ Manual ครับ
สำหรับรูปแบบของไฟล์เอกสารที่แสดงผลได้นอกจากไฟล์ของ Amazon (AZW) เองแล้ว ยังสามารถเปิดไฟล์ TXT, Audible (formats 4, Audible Enhanced (AAX)), MP3, unprotected MOBI, PRC natively; PDF, HTML, DOC, JPEG, GIF, PNG, BMP ได้อีกด้วย
การนำเข้าไฟล์ เข้าไปอยู่ในตัว Kindle 2 ทำได้ 3 วิธีครับ คือ
- สั่งซื้อออนไลน์กับ Amazon วิธีนี้เป็นวิธีที่ Amazon ชอบครับ แต่เรามักไม่ค่อยชอบกัน การสั่งซื้อก็ง่ายมากๆ (การเสียเงินนั้นง่าย) คือ การเข้าไปซื้อบน Kindle เลย ก็เข้าไปที่ เมนู "Shop in Kindle Store" แล้วชอบเล่มไหน ก็คลิก Buy ได้เลย แล้วหนังสือเราก็จะถูก download มาไว้ในเครื่องเรา พร้อมกับ ยอดหนี้บัตรเครดิต ก็ขึ้นมาทันที
|
หน้า Kindle Store |
|
มีหนังสือพิมพ์ กับนิตยสารด้วยนะเนี่ย |
|
จะสั่งซื้อ เพียงแค่คลิกปุ่ม "Buy" เท่านั้นเอง ง่ายมากๆ |
- ส่งไฟล์มาเข้า e-mail ที่ถูกสร้างไว้สำหรับ Kindle 2 ของเรา แล้ว Kindle เราจะดาวน์โหลดไฟล์มาไว้ที่เครื่องเราให้ วิธีนี้ จะเสียค่า transfer file ด้วยนะครับ (แพงเหมือนกัน) โดยเครื่อง Kindle ของเราแต่ละเครื่อง จะมี e-mail account ประจำตัวอยู่ โดยจะมี "account บน Amazon"@kindle.com จากนั้น ไฟล์ก็จะถูกโหลดมาไว้ที่เครื่องเรา และโดนชาร์จค่าส่งด้วย แต่ถ้าเราเซตค่าไว้ว่า ค่าส่งสูงสุด ที่เราจะใช้ได้ เป็น 0.00$ เช่นผม ไฟล์ก็จะถูก fwd มาที่ e-mail ที่เราสมัคร Amazon ไว้แทน ให้เรา download ไฟล์มา แล้ว transfer ผ่าน USB แทน
|
นี่คือข้อความที่ Amazon ส่งมา เมื่อค่าส่ง เกินที่กำหนดไว้ |
- วิธีสุดคลาสสิก คือ transfer file ผ่านทาง USB cable (เป็นวิธีที่ประหยัดที่สุด และชอบที่สุด) ซึ่งก็เหมือนๆกับการ transfer file เข้าไปยังโทรศัพท์มือถือเลยครับ เสียบสาย USB เข้ากับคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็เอาไฟล์ไปไว้ใน folder ที่ชื่อ documents หรือถ้าหนังสือเรา เป็นไฟล์รูปภาพ เช่นหนังสือการ์ตูนที่ scan มาเป็นรูป ก็ให้ใส่ไว้ใน folder ที่ชื่อ Pictures
|
folder ที่เห็น ตอนเชื่อมต่อ USB |
|
ผมโหลดหนังสือเข้าไปเยอะแยะเลย (ที่ซื้อก็มีนะ) |
|
อันนี้เป็น e-book ที่เป็น jpeg อยู่ใน folder ชื่อ Pictures และก็สร้าง folder เป็นชื่อหนังสืออีกทีหนึ่ง |
ถ้าเราใช้โปรแกรมจัดการ e-book อย่างเช่น "calibre - E-book management" ก็จะสามารถ convert file และ treansfer file ผ่านทางเมนูของโปรแกรมได้เลย ก็นับว่าสะดวกดีเช่นกันครับ
ถึงตรงนี้ต้องขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะครับ ที่ติดตาม แต่สำหรับรีวิวการอ่านหนังสือ ขอยกไปต่อตอนหน้านะครับ กลายเป็นไตรภาคไปเลย...
รออ่านภาค 3 นะคะ
ตอบลบภาค 3 ออกแล้วนะครับ ตามไปอ่านกันได้ ^_^
ตอบลบช่วยทำ review Nook Wifi ให้ด้วยได้ไหมครับ
ตอบลบwww.ebookforyou.biz
เนื่องจากยังไม่เคยจับ Nook ตัวเป็นๆซักทีเลยครับ ถ้ามีโอกาส จะหยิบมา review ให้ทันทีครับ
ตอบลบ